ลูกเตาเหวียน

วันพุธที่ 19 กันยายน พ.ศ. 2550 22:00 เขียนโดย เวชยันต์




“เตาเหวียน” เป็นสรรพนามที่ใช้เรียกพ่อผมเอง

ในตอนที่ผมเด็กๆ นั้นผมก็สงสัยอยู่เหมือนกันว่า ทำไมทุกๆ คนถึงเรียกพ่อเราว่า เตาเหวียน หัวพ่อเราก็ไม่มีไฟลุกออกมานี่หว่า หรือว่าพ่อเราเร่าร้อนจนขนาดใครๆ ขนานนามว่าเตา........................

แต่เมื่อเวลาผ่านไปเมื่อโตขึ้นถึงได้รู้ว่าแท้จริงแล้วคำว่า “เตาเหวียน” มาจากคำว่า ตาเหวียน ซึ่งพอเกรียกเร็วๆ เข้าจาก ตาเหวียน ก็เลยกลายเป็น เตาเหวียนไปซะงั้น (จริงแล้วอาจจะมีผมคนเดียวที่ได้ยินใครๆ เรียกพ่อว่า เตาเหวียนก็ได้)

ตอนที่พ่อผมใกล้จะเกษียณผมเองอายุประมาณ เจ็ดแปดขวบเท่านั้น ผมเป็นลูกที่เกิดโดยที่พ่อและแม่เข็มขัดสั้น (คาดไม่ถึง ไม่รู้ว่าผู้อ่านขำเปล่าแต่ผมขำ ฮ่าๆ) เพราะว่าพ่อเองก็อายุมากแล้ว แม่เองก็ทิ้งช่วงการมีลูกมานานหลายปี ก็เลยไม่มีใครคิดว่าจะมีเด็กหน้าตาดีอย่างผมเกิดขึ้นเป็นลูกของ “เตาเหวียน” อีก

“เตาเหวียน” เป็นทหารยศ จ่าสิบเอก เป็นจ่าแก่ๆ คนหนึ่งชื่อ จ.ส.อ. เหวียน ที่เช้าๆ ก็เดิน กระย๊อก กระแย๊ก ๆ ไปขึ้นรถเมล์จากราชบุรีเพื่อไปทำงานที่กรุงเทพฯ ค่ำๆ ก็เดินกระย๊อก กระแย๊ก กลับบ้าน บางวันก็หิ้วถุงของเล่นมาฝากลูก บางวันก็หิ้วกับข้าวมาฝากเมีย

“เตาเหวียน” เป็นคนกว้างขวางมีคนรู้จักตั้งแต่ เจ้ากรม จนถึง พลทหาร ใครมีปัญหามาหา “เตาเหวียน” ช่วยได้หมด น้องเมียตกงาน เพื่อนข้างบ้านไม่มีตังซื้อนม ลูกเจ้ากรมจะบวช ผู้หมวดจะย้ายบ้าน ผู้การจะทิ้งเมียน้อย เตาเหวียน ก็ตามไปสอยเอามา ..... เอ้ย.ไม่ช้ายยยยยยย อันหลังนี่ล้อเล่น ด้วยความที่เป็นคนใจดีชอบช่วยเหลือคนอื่น ทำให้ใครๆ ไม่ว่าจะเป็นญาติพี่น้อง เพื่อนร่วมงาน หรือเจ้านาย ต่างก็รัก “เตาเหวียน” กันทั้งนั้น

ในสมัยนั้นบ้านไหนมีโทรทัศน์ถือว่าเป็นบ้านที่มีฐานะพอสมควร ซึ่งส่วนใหญ่แล้วจะมีแต่บ้านนายทหารเท่านั้นที่มีโทรทัศน์ดู ........ แต่บ้านของ “เตาเหวียน” มีโทรทัศน์ให้ลูกๆ ดู

รถมอเตอร์ไซค์สมัยนั้นก็เป็นของที่ไม่ได้ซื้อหากันมาง่ายๆ ราคาไม่ใช่ถูกๆ แต่.... “ลูกเตาเหวียน” มีรถมอเตอร์ไซค์ไปรับไปส่งที่โรงเรียนทุกวัน

เด็กๆ ลูกจ่า ลูกนายสิบคนอื่นต้องรอให้เสื้อผ้าชุดนักเรียน เก่า ขาด เสียก่อนถึงจะได้เปลี่ยนชุดใหม่ แต่ “ลูกเตาเหวียน” มีเสื้อผ้า รองเท้านักเรียนใหม่ ใส่ทุกครั้งที่เปิดเทอม


“เตาเหวียน” ดูแลครอบครัวของเราเป็นอย่างดีแต่เสียดายที่พ่ออยู่กับเราน้อยไปหน่อย พ่อจากครอบครัวเราไปเมื่อตอนที่พ่ออายุหกสิบกว่า และในตอนนั้นผมอายุเพียงสิบสี่ปี พ่อไม่ได้รับราชการจนเกษียณอายุ แต่พ่อต้องลาออกก่อน เพราะเป็นคนที่สุขภาพไม่ค่อยดีนักมีโรคประจำตัวมากมาย ก่อนพ่อจะจากพวกเราไปพ่อเป็นอัมพาตอยู่หลายปี พ่อขยับเขยื้อนตัวไม่ได้ พ่อต้องนอนนิ่งๆ บนเตียงขยับเขยื้อนไปไหนไม่ได้ ภาพพ่อที่นอนร้องให้ทุกครั้งที่มีใครพูดอะไรให้สะเทือนใจ เรียกน้ำตาจากผมได้ทุกครั้งที่นึกถึง

เมื่อตอนที่ผมอายุประมาณ 6 ขวบ พ่อพาผมไปอยู่โรงเรียนประจำ ซึ่งเป็นโรงเรียนสำหรับเด็กพิการ เพื่อให้ผมหัดใช้อุปกรณ์ช่วยสำหรับคนพิการ พ่อมีความหวังว่าที่นั่นจะสามารถทำให้ผมช่วยตัวเองได้มากขึ้น

พ่อจะไปรับผมมาบ้านบ้างแต่ก็ไม่บ่อย ช่วงแรกๆ พ่อกับแม่มักจะไปเยี่ยมผมที่โรงเรียนบ่อยๆ แต่ทุกครั้งที่พ่อกับแม่จะกลับบ้านผมมักจะร้องตามกลับบ้าน พ่อกับแม่ใจอ่อนพากลับมาด้วยก็หลายครั้ง ทำให้ช่วงหลังๆ พ่อใช้วิธีซื้อของฝากผู้ดูแลไปให้ และก็แอบดูผมอยู่ห่างๆ มีอยู่ครั้งหนึ่งโรงเรียนพาพวกเรามาดูวงดนตรีสุนทราภรณ์ ณ สถานที่แห่งหนึ่งซึ่งผมจำไม่ได้ แต่จำได้ว่าพ่อก็ตามผมมา พ่อแอบดูอยู่ที่ประตูทางออก ทันทีที่สายตาผมหันไปเจอกับพ่อ ผมก็ร้องให้ ชักดิ้นชักงอ เพื่อจะตามพ่อกลับบ้านจนคนอื่นไม่เป็นอันดูดนตรี จนในที่สุด “เตาเหวียน” ก็พาผมขี่คอกลับบ้าน

ช่วงเวลาที่ผมกลับมาอยู่บ้านและต้องกลับไปที่โรงเรียนเป็นช่วงเวลาที่สะเทือนใจสำหรับผู้ที่พบเห็น ในสมองผมตอนนั้นคิดว่าทำไมพ่อไม่รัก ทำไมแม่ไม่อยากให้เราอยู่ด้วย ทำไมไม่ให้ผมอยู่บ้าน ผมอยากอยู่ที่บ้าน อยากอยู่กับพ่อ อยากอยู่กับแม่ .........

พ่อกับแม่จะไล่จับผม ผมก็ร้องให้คลานหนีเข้าใต้โต๊ะบ้าง ใต้ตู้บ้าง คลานเข้าไปเกาะขาโต๊ะไว้แน่นไม่ยอมปล่อย พ่อกับแม่ก็คลานตามเข้าไปดึงตัวผมออกมา คนข้างบ้านก็มาช่วยกันจับบ้าง ปลอบบ้าง ปลอบลูกบ้าง ปลอบแม่บ้าง ปลอบพ่อบ้าง เพราะทั้งคนไล่จับและคนถูกไล่จับน้ำตานองหน้าด้วยกันทั้งนั้น



ผมไม่รู้ว่าในปัจจุบันนี้ จะมีมนุษย์สักคนบนโลกนี้
จดจำจ่าแก่ๆ คนหนึ่งที่ชื่อ “เตาเหวียน” หรือไม่

แต่ผมก็ดีใจ ที่อย่างน้อยที่สุดในวันนี้
ผมทำให้คุณ...ที่อ่านมาจนถึงบรรทัดนี้ได้รับรู้ว่า
บนโลกนี้เคยมีผู้ชายคนหนึ่งชื่อ "ตาเหวียน"

ที่ทำหน้าที่พ่อ หน้าที่สามี ไอ้อย่างดีที่สุด
ที่ผู้ชายคนหนึ่งพึงจะทำได้





4 Response to "ลูกเตาเหวียน"

  1. Unknown Says:

    เป็นภาษาเล่าแบบสบายๆ แต่อ่านแล้วรู้สึกลึกซึ้งมากเลย จะมาอ่านบ่อยๆ ขอให้เขียนบ่อยๆ ชอบมากเลยค่ะ

  2. awe Says:

    สำนวนใช้ได้ดีทีเดียวนะนี่

  3. ไม่ระบุชื่อ Says:

    เศร้าจังเรยอ่ะ

    อ่านแล้วซึ้งๆ

    น้ำตาจาไหล

    ไปเป็นนักเขียนเรื่องเล่าได้เรยนะเนี่ย

  4. ไม่ระบุชื่อ Says:

    อ่านหลายรอบ ร้องไห้มาก็ทุกรอบ
    ก็คนเขียนเป็นน้องชายผมเอง บุคคลที่กล่าถึงก็เป็นพ่อ
    เป็นครู เป็นพระอรหันต์ของผมเอง ผมเองก็เป็นพี่ชาย(ที่ไม่เอาไหน)ของคนเขียน เป็นคนที่ไม่กตัญญูต่อพ่อแม่ กว่าจะนึกถึงความกตัญญูที่พ่อแม่มีต่อเรา มันก็สายเกินไป จากบทความที่น้องของผมเขียนไว้มันทำให้มองเห็นภาพอดีตที่ผ่านมาได้เป็นอย่างดี ตัวเราเองจะเห็นภาพทั้งหมดซึ่งอยู่ในความทรงจำของเรา ฝากถึงลูก ๆ ทุกคนที่ยังมีพ่อแม่ให้เห็นอยู่ รีบทำความดีทำสิ่งดี ๆ ให้ท่านภูมิใจเถอะครับ เพราะการแสดงความกตัญญูต่อพ่อแม่นั้นจะสร้างความสุขให้กับตัวเราเองอย่างหาที่เปรียบไม่ได้เลย พ่อแม่นั้นสำคัญกว่าทรัพย์สินเงินทองที่เรามีอยู่ ใครทำใครได้ จริงๆ ครับ
    ผมเองเป็นลูกชายที่"เตาเหวียน" รักมากที่สุด และก็เป็นผมเองที่ทำร้ายจิตใจ "เตาเหวียน" มากที่สุด จนท่านทนไม่ไหวกลั้นใจ ตาย จาก ไป ในที่สุด
    จาก พี่จุ้ย(หนู)